top of page

Let’s Know | ซอมบี้...มาจากไหน??

ผลงานชิ้นนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 16/7/2559 เพื่อตีพิมพ์ในนิตยสาร Let's Comic


ตัวละครที่เป็นที่นิยมในหนังฝรั่ง เห็นในการ์ตูนดัง โผล่ในเกมสุดฮิต หรือแม้แต่ในนิยายขายดี คงยากที่จะไม่กล่าวถึงพวกเขาเหล่านี้เลย เพราะเป็นตัวละครที่เคลื่อนไหวอย่างคนเมา ติดตามเราไปทุกหนแห่ง รูปร่างหน้าตาก็บิดเบี้ยว แขนขาบิดงอไม่สมประกอบ จิตใจเลื่อนลอย... ตัวละครลักษณะนี้ ถูกนิยามนามให้เป็น “ซอมบี้”

ซอมบี้...มาจากไหน??


ย้อนอดีตไปดูต้นกำเนิดคำว่า ซอมบี้ หรือ Zombie ในภาษาอังกฤษกันก่อน

Zombie คำนี้มีปรากฏเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศบราซิล ในปีค.ศ.1819 โดยนักกวีนามว่า Robert Southey เขียนโดยสะกดคำนี้่ว่า Zombi ต่อมา Oxford พจนานุกรมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์โดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ได้ระบุต้นกำเนิดของคำมาจากอเมริกันตะวันตก และเปรียบเทียบคำนี้กับคำว่า Nzambi ที่หมายถึง พระเจ้า และคำว่า Zumbi ที่หมายถึง เครื่องราง ซึ่งเป็นศัพท์จากประเทศคองโก

ในค.ศ. 1929 The Magic Island ถือเป็นหนังสือเล่มแรกที่เปิดเผยเรื่องราววัฒนธรรมท้องถิ่น พิธีกรรมเกี่ยวกับผีดิบ ลัทธิวูดู เขียนโดย W.B. Seabrook นักเขียนอเมริกัน ที่เป็นนักเดินทางตัวยง ซึ่งในหนังสือนี้เป็นเรื่องราวเมื่อครั้งที่เขาเดินทางไปในประเทศเฮตินั่นเอง และต่อมานิตยสาร Time ได้ยกย่องให้ The Magic Island เป็นหนังสือว่าด้วยเรื่องซอมบี้ ที่ป๊อบปูล่าที่สุด

ซ้าย - William Buehler Seabrook

นักเขียนผู้ใช้การเขียนเป็นใบเบิกทางในการเข้าไปสู่เกาะเฮติ

จนกลายเป็นหนังสือ The Magic Island


ขวา - The Magic Island หนังสือสุดฮิตที่ว่าด้วยเรื่องต้นกำเนิดซอมบี้ที่ครอบคลุม ลงลึกที่สุด



วูดู เป็นศาสนาดั้งเดิมของแอฟริกาตะวันตก มีความเชื่อในเทพเจ้าผู้สร้างโลก ที่จะคอยควบคุมดูแลระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิด วิถีชีวิตของผู้ที่นับถือเป็นอย่างมาก พวกเขามีหมอผี Bokor เป็นตัวกลางในการติดต่อสื่อสารกับเทพเจ้าผู้สร้าง โดยหมอผีเพศชายเรียก Houngan ส่วนเพศหญิงเรียก Mambo

Houngan และ Mambo ขณะทำพิธีกรรม


แล้วซอมบี้เกี่ยวอะไรกับลัทธิวูดู ซอมบี้เป็นซากศพของคนที่ตายไปแล้ว คืนชีพขึ้นมาใหม่โดยหมอผีวูดู ปลุกชีพขึ้นมาเพื่ออะไร ก็เพื่อเอามาเป็นคนรับใช้ เอามาเป็นแรงงานนั่นไง เพราะซอมบี้ ผีดิบไม่มีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว อยู่ไปแบบนี้จนกว่าร่างกายจะสูญสลายเสื่อมสภาพไปเอง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ว่าลัทธิวูดู เป็นศาสนาดั้งเดิมของชาวแอฟริกาตะวันตก เมื่อพวกเขาจำต้องพลัดถิ่นฐานไปอยู่อาศัยในประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศอังกฤษ แคนาดา บราซิล ฝรั่งเศส หรือในอเมริกา เพื่อเป็นแรงงานในสมัยล่าอาณานิคม พวกเขายังคงนับถือเทพเจ้าวูดูของเขาเช่นเดิม เพียงแต่ปรับรูปแบบ ผสมผสานกับความเชื่อประจำถิ่นที่อยู่ใหม่จนเป็นวูดูอีกแขนงหนึ่ง และสิ่งที่คนคุ้นเคยอย่าง ตุ๊กตาวูดู เครื่องรางของขลังสำคัญในการประกอบพิธีกรรม คือส่วนหนึ่งของการผสมผสานดังกล่าว

ตุ๊กตาวูดูถูกปักด้วยเข็มหมุด

ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้ระหว่างหมอผี

ปัจจุบันถูกเก็บไว้ใน Museum of Witchcraft and Magic ประเทศอังกฤษ


ซอมบี้...ในชีวิตจริง!?!?


ซอมบี้ คือการถูกควบคุมร่าง ควบคุมจิตใจ ฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ก็ได้ค้นพบโอกาสการเกิดซอมบี้ (ถูกควบคุมสมองและร่างกาย) ได้จริงๆ


พิษ สร้างซอมบี้... ในบรรดาหมอผีทั้งหลาย เขาทำซอมบี้กันยังไงนะ คำตอบคือ การให้กินยาพิษที่ทำให้ร่างกายมีสภาพเหมือนตายไปแล้ว จากนั้นก็ลักพาศพ(ที่คนอื่นคิดว่าตาย) มากินยาถอนพิษเพื่อฟื้นคืนชีพอีกครั้ง นอกจากนี้ยังให้กินยาเพื่อให้ความจำเสื่อม ซึ่งไม่ได้ให้กินแค่ครั้งเดียวแล้วพอ แต่พ่อมดหมอผีทั้งหลายจะให้เป้าหมายของเขากินยาเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสมองได้รับความเสียหาย เซลล์ประสาท ตลอดจนสติปัญญาต่างๆ ถูกทำลาย ท้ายที่สุด เหล่าหมอผีก็จะได้ ซอมบี้ ทาสผู้ซื่อสัตย์ไว้ใช้งาน

กรณีของคนที่ถูกทำให้เป็นซอมบี้ เคยเกิดขึ้นกับชาวเฮติ ที่ชื่อ Clairvius Narcisse เขาได้รับการบันทึกว่าเสียชีวิตด้วยโรคความดันโลหิตสูง และโรคไต ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเฮติ โดยเสียชีวิตในปีค.ศ. 1962 แต่อีก 18 ปีต่อมาก็ได้มีคนพบเขาในหมู่บ้านซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเอง เขาเล่าว่า เขาตื่นมาพบว่าตัวเองนั้นอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่ง ถูกใช้งานให้ทำไร่อ้อยพร้อมๆ กับซอมบี้ตัวอื่นๆ อยู่ที่นั่น จนกระทั่งความทรงจำกลับคืนมา จึงได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิด ชาวบ้านที่หมู่บ้านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าเขาคือ Clairvius Narcisse ตัวจริงอีกด้วย

โฉมหน้าของคุณปู่ Clairvius Narcisse

นอกจากนี้ในโลกของสัตว์ ก็มีบางจำพวกที่มีพิษซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เหยื่อของมันที่ถูกกัด มีอาการประสาทหลอน จนหยุดทำงาน สัตว์ที่มีพิษดังกล่าวมากที่สุดคือ งูในกลุ่ม Elapidae เช่น งูเห่า งูจงอาง เป็นต้น หากนำพิษนี้ มาผสมกับพิษอื่นๆ และใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ก็จะส่งผลให้ผู้ได้รับพิษตายไปชั่วระยะเวลาหนึ่งได้


ติดเชื้อโรคแบบนี้ ซอมบี้ถามหา

มีเชื้อโรคชนิดหนึ่ง ที่เมื่อติดเชื้อเข้าไปแล้วจะมีลักษณะอาการเหมือนซอมบี้อย่างมาก นั่นคือมีอาการของการเบื่ออาหาร ความจำเสื่อม พฤติกรรมการแสดงออกทางร่างกายเปลี่ยนไป เช่น เดินไม่ตรง มีปัญหาด้านการมองเห็น กลายเป็นคนที่หลีกหนีสังคม ประสาทหลอน ทำให้อารมณ์แปรปรวน หากไม่ได้รับการรักษาปล่อยให้เป็นโรคนี้นานๆ ก็ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ ตาบอด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้โด่งดังมากในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1986 ก่อนจะโด่งดังไปทั่วโลก ในชื่อ "เชื้อโรควัวบ้า" นั่นเอง


ถูกควบคุมโดยปรสิตสมอง เช่น ปูถูกเปลี่ยนเป็นซอมบี้ กลายเป็นแหล่งอาหารสำคัญของ Sacculina Carciniหอยเพรียงตระกูลหนึ่ง ส่วนมนุษย์อย่างเรา อย่าคิดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้เจอหอยเพรียงอย่างที่กล่าวไปแล้ว คิดใหม่ได้เลยเพราะปรสิตที่จ้องจะควบคุมคุณนั้น อยู่ใกล้ตัวมากๆ

ปูตัวเมียที่ถูกยึดร่างโดยหอยเพรียง Sacculina Carcini


ใครที่เลี้ยงแมว สังเกตตัวเองให้ดีว่ามีอารมณ์แปรปรวนควบคุมตัวเองไม่ได้อย่างไม่รู้สาเหตุ หรือมีอาการแขนขาอ่อนแรง ปวดศีรษะ ชัก คลื่นไส้ หรือไม่ หากเข้าข่ายให้คิดไว้ในแง่ร้ายไว้ก่อนว่า คุณกำลังโดนปรสิต Toxoplasma Gondii ปรสิตตัวเล็กที่อาศัยในลำไส้ของแมวควบคุมอยู่ก็ได้


ซ้าย - ภาพขยายปรสิต Toxoplasma Gondii ภายในเนื้อเยื่อสมองของหนู

ขวา - วงจรชีวิตของปรสิต Toxoplasma Gondii


มาเป็นซอมบี้ด้วยการทดลองกันเถอะ!! เมื่อปีค.ศ. 1940 นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย ได้เปิดเผยวิดีโอบันทึกภาพการทดลองฟื้นคืนชีพ "หัวสุนัข" ให้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ด้วยระบบหมุนเวียนโลหิตที่ทีมวิจัยประดิษฐ์ขึ้นมา หากใครอยากชมภาพคลิปดังกล่าว ค้นหาด้วยคำว่า REAL ZOMBIE DOGS!!!! 1940's russian experiment. ใน YouTube ได้เลยค่ะ

ซ้าย - ระบบหมุนเวียนโลหิตที่ทีมวิจัยประดิษฐ์ขึ้น

ขวา - การทดลองกับหัวของสุนัข


ต่อมาในปีค.ศ. 2005 คณะแพทย์ของศูนย์วิจัยการกู้ชีพซาฟาร์ มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก (Safar Center for Resuscitation Research at the University of Pittsburgh) ได้ทำการสร้างหมาซอมบี้ ขึ้นมาได้อีกครั้ง ทดลองโดยดูดเลือดของสุนัขออกจนหมด จนมันตายอย่างรวดเร็ว จากนั้นแทนที่เลือดด้วยออกซิเจน และน้ำเกลือกลูโคส 3 ชั่วโมงถัดไป ก็ถ่ายเลือดกลับไปยังสุนัขอีกครั้ง พร้อมทั้งช็อตไฟฟ้า ผลการทดลองพบว่าสุนัขส่วนใหญ่ฟื้นคืนชีพได้ จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ฟื้น


นอกจากหมา โลกของเรานั้นยังมี "ไก่ซอมบี้"อีกด้วย อันเป็นเรื่องราวสุดซึ้งใจของนาย Lloyd Olsen ซึ่งบรรจงสับหัวไก่ในฟาร์ม นามว่า "ไมค์" จนขาดกระเด็น แต่อนิจจา ไมค์ยังไม่ตาย และยังมีชีวิตอยู่ยาวนานกว่า 18 เดือน ภายใต้การเลี้ยงดูอย่างดีของ นาย Lloyd Olsen ผู้เป็นเจ้าของ


ซ้าย - ไมค์ กับหัวที่ขาดออกจากคอของมัน

ขวา - นาย Lloyd Olsen ผู้เป็นเจ้าของดูแลอย่างดี






ต่อมาเมื่อเจ้าไมค์ตาย (เป็นครั้งที่ 2) ด้วยความรักทำให้ นาย Lloyd Olsen จัดตั้งวัน Mike the Headless Chicken Festival เป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้ก็จัดเป็นครั้งที่ 18 แล้วด้วย ติดตามเรื่องของไมค์ได้ทางเว็บไซต์ http://www.miketheheadlesschicken.org

ซ้าย - Mike the Headless Chicken Festival 2016

ขวา - โปสเตอร์งานปี 2020

(edit 18/3/2563 เข้าไปดูในเว็บไซต์ ในปี 2020 เขาก็ยังจัดนะคะ

มีโปสเตอร์งานและ Festival Map มาให้ดูเรียกน้ำย่อยกันแล้ว)


ทฤษฎีซอมบี้ ถูกนำไปสร้างสรรค์เป็นเรื่องราวมากมาย โดยเฉพาะ “ภาพยนตร์” ที่นำข้อมูลจริงมาเล่าอย่างตรงไปตรงมา บ้างก็แต่งแต้มความสนุกเข้ามาเป็นสีสัน จนทำให้ทุกวันนี้พวกเรามีภาพจำว่า ซอมบี้ต้องเป็นผีที่ตายแล้วฟื้น ฆ่าแล้วไม่ตายซ้ำ คอยเดินโงนเงน ตามติดชีวิตมนุษย์ไปทุกหนแห่ง สบโอกาสก็จะกัดเพื่อขยายพวกพ้องซอมบี้ต่อไป
ไม่แน่นะ... ในอนาคตอันใกล้นี้ มนุษย์อาจจะสร้างซอมบี้ไว้ใช้งานได้จริง อย่างที่เคยทดลองกับสุนัขก็เป็นได้ ส่วนจะสร้างให้ออกมาแบบไหน ลองจินตนาการกันค่ะ!!!

เรียบเรียง - วนิดา แก่นจันทร์


ข้อมูลประกอบการเขียน และค้นหาภาพ


โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด
bottom of page