top of page

[Movie] HIGHWAY STAR (2007) หากเพลงร็อคคือหัวใจ...ทร็อตก็คือวิญญาณ

เพราะไม่เคยดู ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม หรือหนังเรื่องอื่นที่แสดงโดยนายเจี๋ยมเจี้ยมมาก่อน แล้วเพราะอะไรฉันถึงอยากดู Highway Star นักละ เพราะเราอยากพิสูจน์ว่านายเจี๋ยมเจี้ยมนี่มีดียังไง เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เพลงทร็อต!? (ดูน่าสนใจ) และจากตัวอย่างมันต้องเป็นหนังตลกแน่ ๆ 


หากเพลงร็อคคือหัวใจ...ถ้าอย่างนั้นทร็อตก็คือวิญญาณ

เขามีชื่อแปลกๆว่า บองทัลโฮ (ชาแตฮุน) ทั้งเขาและเพื่อนร่วมวงต่างหวังว่าสักวันจะได้เข้าเมืองใหญ่อย่างกรุงโซล เพื่อออกเทปเพลงร็อคสักครั้ง แต่ก่อนจะไปถึงฝั่งฝันนั้น ทัลโฮและเพื่อนได้รับจ้างเป็นวงดนตรีแบ็คอัพให้กับ เทจุนอา (ซันวู) นักร้องที่มีชื่อเสียงในแวดวงไนท์คลับ ภายใต้การสนับสนุนของ นาเทซง (ลีเบียงจูน) ทัลโฮคิดแผนไม่ยอมเล่นดนตรีตามที่เทจุนอาสั่ง ทำให้พวกเขาโดนไล่ออก ก่อนจะถึงเวลาปิดไนท์คลับทัลโฮได้โชว์พลังเสียงร้องเพลงร็อค จนทำให้ จางจุน (ริมไชมู) ประธานบริษัทบิ๊กซาวน์เอนเตอร์เมนเม้นต์ และผู้จัดการฝ่ายการตลาด โชซุงโฮ (จุงซุกยอง) ที่มาทำธุระที่ไนท์คลับนั้นพอดี ต้องทึ่ง อึ้ง เสียว!! ไปกับเสียงร้องอันทรงพลัง และทาบทามเฉพาะทัลโฮไปเป็นศิลปินในสังกัด

ระหว่างความฝันที่จะได้ออกเทปร่วมกันทั้งวง กับการได้โอกาสออกเทปเดี่ยวที่อยู่แค่เอื้อม แน่นอน ทัลโฮเลือกอย่างหลัง (แป่ว!!) เขาทิ้งเพื่อนร่วมวงไปกรุงโซลเพื่อออกเทป ถึงตรงนี้คงคิดว่าทัลโฮเห็นแก่ตัว ซึ่งจริง ๆ มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ การที่เราจะคว้าโอกาสที่มีเข้ามาในชีวิตเอาไว้ก่อนนั้น ไม่ใช่สิ่งผิดแปลกอะไรเท่าไหร่นัก แต่ทั้งนี้เราต้องยอมรับกับผลที่จะตามมา ในกรณีของทัลโฮ โชคดีที่เพื่อน ๆ ของเขาไม่ถือโทษโกรธเคืองมากนัก และโชคร้ายที่เขาไม่ได้ออกเทปเป็นนักร้องเพลงร็อคอย่างที่หวัง

ในความเป็นจริง จางจุนคืออดีตนักร้องเพลงทร็อตที่โด่งดังมาก ๆ และบริษัทของเขาก็ปั้นนักร้องเพลงทร็อตเข้าสู่วงการ ไม่ได้ปั้นนักร้องเพลงร็อค กิจการของเขาน่าจะไปได้ดี ถ้า ชาเสี่ยวยุน (ลีโซเยียน) นักร้องหญิงหนึ่งเดียวในบริษัท เมื่อทัลโฮเจอเสี่ยนยุน เธอกระชากใจเขาไปในทันที ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่ยึดทัลโฮให้อยู่กับบิ๊กซาวน์มิวสิค และออกเทปต่อไปได้ นอกจากหนังสือสัญญากับบริษัทแล้ว ก็คือเสี่ยวยุนนั่นเอง

เสี่ยวยุนที่ทุ่มเทให้กับการร้องเพลงทร็อต แต่เธอไม่มีพรสวรรค์ กับทัลโฮที่ไม่ได้ชอบแต่มีพรสวรรค์และพลังเสียงที่เหมาะในการร้องเพลงทร็อต ดูเหมือนไม่ยุติธรรม แต่สังคมส่วนใหญ่มันก็แบบนี้! เมื่อร้องเพลงไม่ดีขึ้นไปกว่าเดิม แถมยังโดนดูถูกว่าเหมาะกับการเป็นสาวนั่งดริ๊งก์มากกว่า เสี่ยวยุนจึงหมดกำลังใจ ประกอบกับแม่ล้มป่วย เธอตัดสินใจเลิกเป็นนักร้อง กลับไปดูแลแม่ ส่วนทัลโฮได้ออกเทปภายใต้ชื่อใหม่ บองฟีล



ภายในหน้ากาก ฉันคือใคร!? 

เมื่อต้องขึ้นเวทีเป็นครั้งแรก ทัลโฮหรือบองฟีล ได้เจอกับเทจุนอาที่ได้รับการสนับสนุนจากนาเทซง จนได้ร้องเพลงทร็อต และขึ้นเวทีเดียวกัน ด้วยความอาย ทัลโฮจึงใส่หน้ากากมวยปล้ำขึ้นร้องเพลงบนเวที เพื่อปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของตน เขาอายที่จะให้คนที่เขารู้จัก รู้ว่าเขาออกเทปเพลงทร็อต ไม่ใช่เพลงร็อคดังที่ใจต้องการ และสิ่งที่เกิดตามมาก็ทำให้ทุกคนผิดคาด




คนแรกที่ผิดคาดคือจางจุน ผู้ปลุกปั้นให้ทัลโฮร้องเพลง ในตอนแรกเขาโกรธที่ทัลโฮทำเสียเรื่องไปซะหมด ด้วยการใส่หน้ากากมวยปล้ำขึ้นร้องเพลง แต่หลังจากที่รายการร้องเพลงนั้นออกอากาศ ผู้ฟังทั่วประเทศต่างชื่นชอบ ให้การต้อนรับบองฟีลเป็นอย่างดี แบบที่ไม่เคยมีศิลปินคนใดทำได้มาก่อน

           มีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด ในบรรดาแฟนเพลงที่ชอบบองฟีล ก็มีแฟนเพลงที่ไม่ชอบเขาเช่นเดียวกัน เหตุผลคือ เพราะเขาใส่หน้ากากทำตัวลึกลับ! แม้ว่าทัลโฮจะร้องเพลง “Good-Bye Bridge สะพานลารัก” ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของเขา ได้ไพเราะเพราะพริ้งเพียงใด ถ้าเขายังสวมหน้ากากปิดบังความจริงที่ว่าใครเป็นคนร้อง ตัวเขาเองก็ไม่มีความสุข

จะบอกใครว่า “ผมบองทัลโฮเป็นคนร้องเพลงนั้นเองครับ” ก็ไม่ได้... เพราะเขาอับอายที่ต้องร้องเพลงทร็อตไม่ใช่เพลงร็อค

แล้วเสี่ยวยุนก็เป็นคนที่เตือนสติทัลโฮเป็นคนแรก สำหรับเสี่ยวยุน ผู้ไม่มีพรสวรรค์ แต่ปรารถนาที่จะร้องเพลงทร็อต การที่ทัลโฮได้ออกเทปเพลงทร็อต และประสบความสำเร็จ จึงเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอยังฝันที่จะร้องเพลงทร็อตได้ต่อไป เธอรู้สึกว่าสิ่งที่ทัลโฮทำ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง…




สำหรับทัลโฮ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความถูกต้อง” หลังจากฝึกซ้อมและร้องเพลงทร็อตไปเรื่อยๆ เขาค่อยๆรู้สึกถึงเสน่ห์ ความไพเราะของบทเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงร็อคหรือเพลงทร็อต หากเรามุ่งมั่นที่จะเปล่งเสียงร้องออกไป ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนก็สามารถจับใจคนฟังได้

แม้ Highway Star จะเดินเรื่องตามสูตรเหมือน ๆ กับหนังเรื่องอื่นในแนวนี้ ที่ตัวเอกต้องค้นหาตนเอง แต่มันก็ทำให้เราได้เติบโตไปพร้อมกับทัลโฮที่รู้สึกลึก ๆ ว่าการที่เขาใส่หน้ากากเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่เขาก็ถอดหน้ากากนั้นออกไม่ได้ ด้วยเงื่อนไขชีวิตหลายอย่าง ทั้งผลได้ผลเสียที่บริษัทจะได้รับ และเงื่อนไขสำคัญก็คือ ตัวของเขานั่นเอง!

ทัลโฮเรียนรู้ว่า การร้องเพลงไม่จำเป็นที่เราจะต้องร้องแต่เพลงที่ชอบเท่านั้น เพลงร็อคก็สามารถร้องในทำนองเพลงทร็อต และเนื้อหาของเพลงก็สามารถสื่อไปถึงคนฟังได้เช่นเดียวกัน

เมื่อถึงวันประกาศผลรางวัลนักร้องยอดเยี่ยม ภายในงานก่อนประกาศรางวัล มีการโชว์เพลงของนักร้องเพลงทร็อตแต่ละคน นาเทซงผู้ได้รับรางวัลนักร้องยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อน เขาเห็นบองฟีลหรือทัลโฮ เป็นศัตรูสำคัญ เราจึงเห็นนาเทซงทุ่มเทกับการร้องเพลงในงานประกาศรางวัลเป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้รางวัลมาครอบครองเป็นปีที่ 4 (สิ่งหนึ่งที่ดีในหนังเกาหลี คือตัวโกงจะไม่ใช้วิธีการสกปรกในการเอาชนะพระเอกหรือนางเอก แต่จะทุ่มเทความสามารถเพื่อให้ได้ชัยชนะนั้นมา)




เมื่อถึงคิวที่ทัลโฮต้องร้องเพลง เขาคิดแผนการไว้ในใจ นั่นคือการถอดหน้ากากที่พันธนาการเขาไว้กับความอับอายที่มีต่อเพลงทร็อต… หนังดำเนินไปตามสูตรสำเร็จที่ว่า เมื่อเรากล้าหาญทำในสิ่งที่ต้องใช้การตัดสินใจอย่างหนักหน่วง ผลตอบรับมักเป็นไปได้ด้วยดี... นี่คือในหนัง สำหรับความเป็นจริง มีความเป็นไปได้ 50/50 ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีและได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ดี แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนลงมือกระทำ คือต้องถามตัวเองก่อนว่า อะไรคือความสบายใจของคนทำกันแน่!?

สิ่งที่หนังต้องการบอกคือ...การค้นหาตัวตนและยอมรับในสิ่งที่ตัวเราได้ทำ เหมือนที่ทัลโฮชอบเพลงร็อค แต่จับพลัดจับพลูมาออกเทปเพลงทร็อต ซึ่งก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แค่เราตั้งใจทำให้ดีที่สุด และภูมิใจไปกับสิ่งที่ทำ แค่นั้น

การทำสิ่งที่ถูกที่ควร แม้มันจะเชยหรือน่าอาย ในเมื่อเราตัดสินใจทำไปแล้ว เราควรต้องภูมิใจในสิ่งที่ทำลงไป จริงไหมคะ...


เกร็ดเล็กเกี่ยวกับ Highway Star

- ทร็อตคือเพลงป็อปเก่าแก่ของเกาหลี เทียบได้กับเพลงคันทรี่ของอเมริกา, เพลงลูกทุ่งของไทย ในแง่ของธีมเพลงและคนฟัง

- ในระหว่างที่ไต่เต้าขึ้นสู่ความโด่งดัง ทัลโฮใส่เสื้อผ้าไม่เคยซ้ำกันเลย

- ลีโซเยียน ในระหว่างถ่ายทำฉากร้องเพลงในไนท์คลับเล็กๆ ท่อสปริงเกอร์ก็แตกออก น้ำกระจายไปทั่ว สร้างความโกลาหลเป็นอย่างมาก เธอจึงเข้าใจความรู้สึกของชาเสี่ยวยุน โดยปริยาย

- ฉากคอนเสิร์ต ไม่ว่าจะเป็นของบองฟีล หรือของนาเทซง อลังการงานสร้าง เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ให้กำลังใจนักร้องมากมาย ที่สำคัญ เพลงประกอบภาพยนตร์เพราะมาก ๆ เลยค่ะ


วนิดา แก่นจันทร์



Comments


bottom of page